ประวัติและวัตถุมงคลพระครูธรรมขันธ์สุนทร (ม.ร.ว.เอี่ยม) วัดโพนทอง พระเกจิยุคเก่าของเมืองลพบุรี
พระครูธรรมขันธ์สุนทร (ม.ร.ว.เอี่ยม) วัดโพนทอง ลพบุรี |
พระครูธรรมขันธ์สุนทร หรือ หลวงปู่เอี่ยม อดีตเจ้าอาวาสวัดโพนทอง ตำบลเชียงงา อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ท่านเป็นอดีตพระภิกษุผู้ทรงวิทยาคุณแห่งลพบุรี มีลูกศิษย์มากมาย และเป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค จังหวัดนครสวรรค์ หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรี จังหวัดสิงห์บุรี และยังเป็นอาจารย์ของขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบขมังเวท และเสือฝ้าย ขุนโจรเมืองสุพรรณ ฯลฯ
บุตรขุนพันธรักษ์ ได้เล่าถึงชีวประวัติของพระอาจารย์ว่า พระครูธรรมขันธ์สุนทรเป็นพระโอรสในกรมพระราชบวรมหาเสนานุรักษ์(วังหลัง) มีพระนามเดิมว่าหม่อมราชวงศ์เอี่ยม อิศรางกูร ณ อยุธยา ประสูติเมื่อวันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง ตรงกับปี พ.ศ. ๒๓๙๙
เมื่อท่านฯเติบโต ต่อมากรมพระราชบวรมหาเสนานุรักษ ์(วังหลัง) บิดาท่านทิวงคตได้ไม่นาน พอดีกับพระชายาท่านเจ้าคุณเองก็ได้ถึงแก่อนิจกรรมลง ภายหลังจากที่ประสูติบุตรชาย
ทำให้ท่านเจ้าคุณเกิดเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้หันหน้าเข้าสู่พระธรรม โดยท่านอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ได้ฉายาว่า "อุตตโมภิกขุ" โดยไม่ทราบนามพระอุปัชฌาย์
หลังจากอุปสมบทแล้วท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เรื่อยมา โดยมุ่งปฏิบัติธรรมตามกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด สวดมนต์ฟังธรรม เรียนบาลี สันสกฤต และมคธ จนเชี่ยวชาญ อีกทั้งหมั่นเพียรเจริญภาวนา วิปัสสนาธุระ จนมีผู้เล่ากันว่าท่านฯ เป็นพระภิกษุสำเร็จอภิญญาชั้นสูง
ต่อมาโยมมารดาได้ใช้คนมาส่งข่าวให้ทราบว่า บุตรชายของท่านฯ ที่กำลังหัดเดินเตาะแตะ เกิดป่วยเป็นโรคผิวหนังพุพอง ให้ท่านฯไปเยี่ยมอาการ พอท่านฯไปถึงเห็นอาการเข้า ก็ทราบด้วย "ปุพเพนิวาสานุสติญาณ" ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้ว่าโรคนี้เกิดจากกรรมเก่า
ที่เด็กคนนี้ไปเผาลิงตายทั้งเป็นในอดีตชาติ คงไม่มีทางรักษาให้หายได้ จึงบอกแก่โยมมารดาว่า "เด็กคนนี้ไม่รอด" โยมมารดาได้ฟังดังนั้นก็โกรธหาว่า พ่อตาย เมียตาย แล้วหนีไปบวชก็ไม่ว่า นี่ลูกป่วยให้มาดูกับมาแช่งให้เด็กตายด้วย
พระครูธรรมขันธ์สุนทร (ม.ร.ว.เอี่ยม) วัดโพนทอง ลพบุรี |
หลวงปู่เอี่ยม ไม่สามารถหาคำอธิบายให้โยมมารดาเข้าใจได้ จึงกลับไปวัดบวรนิเวศฯ เวลาผ่านไปไม่นาน บุตรชายของท่านฯก็ตายจริงๆ โยมมารดาของท่าน จึงมีความเศร้าโศกเสียใจ ในที่สุดก็ตรอมใจตายไปอีกคน
เป็นอันว่าภาระทั้งหลาย ที่เป็นบ่วงคล้องคอ บัดนี้ได้หลุดสิ้นไปหมดทุกอย่างแล้ว เลยเกิดมีความคิด ที่จะออกเดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งไปนมัสการสังเวชนียสถานที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดียด้วย
คืนหนึ่งในระหว่างที่หลวงปู่เอี่ยมได้เข้าฌานสมาบัติ ก็ได้ทราบว่าพระชายาที่ล่วงลับไปนานแล้วนั้น ได้ไปเกิดใหม่ที่จังหวัดนครสวรรค์ เติบโตเป็นสาวจนแต่งงานมีสามีและบุตรชายคนหนึ่ง แต่ด้วยความผูกพันของบุตร ที่มีมาแต่ชาติปางก่อน
บุตรชายที่เสียชีวิตไป ก็ได้เกิดเป็นบุตรของนางอีกครั้งหนึ่ง ท่านฯคิดอยากจะไปโปรด ให้อดีตบุตรชายของท่านฯ ได้พ้นวิบากกรรม จึงได้ธุดงค์ไปจำพรรษา อยู่ที่วัดใกล้บ้านอดีตลูกเมียของท่านฯ ที่ไปเกิดใหม่ใน จังหวัดนครสวรรค์
วันหนึ่งหลังจากฉันเพลเสร็จเรียบร้อย มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง พาลูกชายไว้ผมจุกมาหาท่าน ท่านเจ้าคุณได้ถามไปว่า "สีกา มีธุระอะไรหรือ"
สาวชาวบ้านคนนั้นบอกว่า "ผู้คนร่ำลือกันว่า พระเดชพระคุณท่าน ที่มาอยู่ในวัดนี้น่าเลื่อมใสศรัทธา จึงอยากพาลูกมากราบไหว้เป็นสิริมงคล"
ท่านฯได้ให้โอวาทอบรมสั่งสอนพอสมควรแก่เวลา นางก็กล่าวคำล่ำลาจะกลับบ้าน ปรากฏว่าเด็กชายผมจุกเกิดดื้อดึงไม่ยอมกลับ วิ่งเข้าไปกอดท่านฯแน่น ด้วยเกรงผู้เป็นแม่จะมาดึงตัวให้กลับ "หนูไม่กลับ หนูจะอยู่กับพ่อ พ่อของหนูอยู่นี่" เสียงแจ๋วๆของเด็กที่พูดออกไป ไม่มีใครจะรู้ความหมายดีไปกว่าท่านฯ
แม้ผู้เป็นแม่จะอ้อนวอนหรือบังคับอย่างไรเด็กคนนั้นก็ไม่ยอมกลับ จนกระทั่งท่านได้พูดตัดบทว่า "เอาละ เมื่อเด็กมันหาเป็นพ่อก็พ่อ อาตมาจะขออุปการะ เด็กคนนี้ไว้เอง เอาไว้ที่วัดนี้แหละ ถ้าเกิดคิดถึงก็มาหาได้ทุกเวลา บ้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง สีกากลับไปบ้าน พาพ่อของเด็กมาตกลงกันจะเอายังไง ถ้ายอมให้เด็กอยู่กับอาตมา ก็ส่งเสียให้เล่าเรียนให้ถึงที่สุด เงินทองทรัพย์สมบัติส่วนตัวอาตมานั้นมี"
ตั้งแต่หลวงปู่เอี่ยม ได้รับมรดกจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นถนิมพิมพาภรณ์เครื่องถ้วยเบญจรงค์ต่างๆ ตลอดจนอัญมณีล้ำค่า ตั้งใจจะมอบให้เป็นสมบัติของเด็กคนนี้ตอนโตขึ้น เพราะไม่อยากยึดติด กับสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป
หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค นครสวรรค์ ศิษย์ของหลวงปู่เอี่ยม |
หลังจากเด็กคนนั้นมาอยู่ที่วัด จนแม่ผู้บังเกิดเกล้าไม่ค่อยคิดถึงเท่าไหร่ ส่วนผู้เป็นพ่อก็หมดห่วง จึงได้ให้บรรพชาเป็นสามเณรศึกษาเล่าเรียนทางธรรม พอโตเป็นหนุ่มก็ให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านได้เลี้ยงดูเหมือนบุตรของท่านจริงๆ จนกระทั่งย้ายมาอยู่วัดโพนทอง ตำบลเชียงงา อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
พระครูธรรมขันธ์สุนทร หรือ ม.ร.ว.เอี่ยม วัดโพนทอง ลพบุรี บันทึกในจดหมายเหตุรายวันที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาโรรส วัดบวรนิเวศน์วิหาร ทรงเสด็จตรวจการณ์คณะสงฆ์ เมืองลพบุรี ความว่า
วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๗ เวลาบ่ายโมง เสด็จถึงวัดโพนทอง มีพระสงฆ์และราษฎรมาคอยเฝ้ารับเสด็จ อยู่ที่วัดนี้เป็นจำนวนมาก ทรงพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรภูมิสถานของวัดนี้ แล้วเสด็จขึ้นประทับบนกุฏิที่เจ้าอธิการเอี่ยม เจ้าอาวาสวัดนี้จัดไว้เป็นที่ประทับแรม เจ้าอธิการเอี่ยมเป็นเจ้าคณะหมวดตำบลนี้ เป็นผู้มีอัธยาศัยกว้างขวาง ควบคุมชาวบ้านและชาวตลาดในตำบลนี้อยู่
วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้ประทานพัดตรามหาสมณุตมหาภิเษก และประทานตำแหน่งพระครูเจ้าคณะแขวงแด่พระอธิการเอี่ยม ทรงออกพระมหาสมณศาสน์โปรดให้เจ้าอธิการเอี่ยม วัดโพนทอง เป็นพระครูเจ้าคณะแขวง อำเภอสระโบสถ์ที่ พระครูธรรมขันธ์สุนทร
อีกทั้งตรัสชมเชยพระครูเอี่ยม วัดโพนทอง ว่าเป็นผู้รักษาวัดดี ทั้งมีความสามัคคีกับชาวบ้านทั่วถึงควรเป็นแบบอย่างอันดี
วัตถุมงคลของท่าน ในยุคแรกๆท่านไม่ค่อยสร้างวัตถุมงคลเท่าใดนัก ทราบเพียงจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในสมัยนั้น พระครูธรรมขันธ์สุนทร (ม.ร.ว.เอี่ยม) ท่านได้นำเอาพระสมเด็จวัดระฆัง จากสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆัง มาเก็บรักษาบรรจุกรุไว้ที่วัดโพนทอง อำเภอบ้านหมี่ ในสมัยที่ท่านได้สร้างวัดโพนทองขึ้นมาก่อนปี พ.ศ. ๒๔๓๗ ไว้เป็นจำนวนมาก
หลวงปู่เอี่ยม นั้นคนพื้นที่นับถือท่านมากเรียกขานติดปากว่า "หลวงพ่อเฒ่า" สะท้อนความนับถืออย่างมากของชาวบ้าน เหรียญใดที่อยู่ในคอคนพื้นที่ ชาวบ้านต่างหวงแหนกันมาก ต่างก็มีประสบการณ์กันมากมาย นับไม่ถ้วน ถือเป็นเหรียญเก่าเมืองลพบุรีอีกเหรียญที่น่าสะสมเป็นอย่างยิ่ง.
หลวงปู่เอี่ยม ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชราในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ นับรวมสิริอายุได้ ๘๕ ปี.
วัตถุมงคลของหลวงปู่เอี่ยม วัดโพนทอง
เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดโพนทอง รุ่นแรก
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เพื่อแจกให้กับศิษยานุศิษย์ของท่าน และแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างเลื่อยรูปเสมาแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อเงิน และเนื้อทองแดง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
เหรียญหลวงพ่อเอี่ยม วัดโพนทอง ลพบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เนื้อเงิน |
เหรียญหลวงพ่อเอี่ยม วัดโพนทอง ลพบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เนื้อเงิน |
เหรียญหลวงพ่อเอี่ยม วัดโพนทอง ลพบุรี รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เนื้อทองแดง |
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองหลวงปู่เอี่ยมครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ บนรูปของท่านมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระฤก" ใต้รูปของท่านมีโบ ภายในโบมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูธรรมขันธ์สุนทร"
ด้านหลัง ตรงกลางมีอักขยันต์ำพระเจ้าห้าพระองค์อ่านได้ว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" ตรงกลางเป็นยันต์เฑาะว์อุณาโลม ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พ.ศ. ๒๔๗๑"
เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดโพนทอง รุ่นแรก(ย้อนยุค)
สร้างขึ้นหลังปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างเลื่อยรูปเสมาแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
เหรียญหลวงพ่อเอี่ยม วัดโพนทอง ลพบุรี รุ่นแรก(ย้อนยุค) ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เนื้อทองแดง |
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองหลวงปู่เอี่ยมครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ บนรูปของท่านมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระลึก" ใต้รูปของท่านมีโบ ภายในโบมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูธรรมขันธ์สุนทร"
ด้านหลัง ตรงกลางมีอักขยันต์ำพระเจ้าห้าพระองค์อ่านได้ว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" ตรงกลางเป็นยันต์เฑาะว์อุณาโลม ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พ.ศ. ๒๔๗๑"
เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดโพนทอง รุ่นแรก(ย้อนยุค)
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มข้างเลื่อยรูปเสมาแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
เหรียญหลวงพ่อเอี่ยม วัดโพนทอง ลพบุรี รุ่นแรก(ย้อนยุค) ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองหลวงปู่เอี่ยมครึ่งองค์ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ บนรูปของท่านมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "ที่ระฤก" ใต้รูปของท่านมีโบ ภายในโบมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูธรรมขันธ์สุนทร"
ด้านหลัง ตรงกลางมีอักขยันต์ำพระเจ้าห้าพระองค์อ่านได้ว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" ตรงกลางเป็นยันต์เฑาะว์อุณาโลม ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พ.ศ. ๒๔๗๑"
โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
ไม่มีความคิดเห็น