ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก เจ้าของปลัดขิกอันดับ ๑ ของไทย
หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา |
หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หรือ พระครูนันทธีราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสาวชะโงก ตำบลสาวชะโงก อำเภอบางคล้า ฉะเชิงเทรา ท่านมีนามเดิมว่า เหลือ รุ่งสะอาด พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านตำบลบางเล่า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๐๕ โยมบิดาชื่อนายรุ่ง รุ่งสะอาด โยมมารดาชื่อนางเพ็ชร์ รุ่งสะอาด
ปี พ.ศ. ๒๔๒๘ หลวงพ่อเหลือ ท่านมีอายุได้ ๒๓ ปี ท่านจึงเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดสาวชะโงก ตำบลสาวชะโงก อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับฉายาว่า "นันทสาโร" โดยมี
พระอาจารย์ทอง วัดใหม่บางคล้า เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการขริก วัดสาวชะโงก เป็นพระกรรมวาจาจารย์
หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดสาวชะโงกเรื่อยมา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ร่ำเรียนวิชาขอม-บาลี และวิปัสสนา จากพระอธิการขริกจนแตกฉาน
และด้วยความที่หลวงพ่อเหลือสนใจในการวิปัสสนา จึงได้ไปขึ้นกรรมฐานกับหลวงพ่อขริก เมื่อปฏิบัติสมาธิจนจิตเป็นเอกัคตาแล้ว
หลวงพ่อขริก ก็ครอบครูสอนวิชาอาคมทั้งหมดให้หลวงพ่อเหลือ ท่านเป็นพระผู้เรืองอาคม สร้างพระปิดตาแกะจากไม้คูน หากเป็นพระปิดตาธรรมดา มีพระพุทธคุณหนักไปในทางเมตตาแคล้วคลาด ถ้าเป็นพระปิดทวาร จะมีพระพุทธคุณทางมหาอุด และคงกระพัน
จากนั้นหลวงพ่อเหลือ ท่านจึงได้ออยู่ช่วยสอนกรรมฐานให้กับบรรดาพระ-เณร และญาติโยมแทนหลวงพ่อขริก ที่ชราภาพลงไปทุกปี หลวงพ่อขริกได้ขึ้นธุดงควัตรให้หลวงพ่อเหลือ
เพื่อจะได้ออกธุดงค์เดี่ยว ฝึกจิตและคาถาอาคม หลวงพ่อเหลือ ท่านเดินธุดงค์เดี่ยวอยู่หลายปี จนในปีหนึ่งได้ไปพบกับขบวนธุดงค์ของหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ที่เดินทางมานมัสการพระศรีมหาโพธิ์ที่ ปราจีนบุรี หลวงพ่อเหลือ ได้พบหลวงพ่อปาน และเกิดความเลื่อมใสจึงขอติดตามไปธุดงค์ด้วย
หลวงพ่อปาน ทดสอบวิชาอาคม และการทำสมาธิของหลวงพ่อเหลือ จนเห็นว่ามีพื้นฐานดี จึงรับไว้เป็นศิษย์ ให้อยู่กับหลวงพ่อนก ซึ่งต่อมาได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสังกะสี
ท่านทั้งสองก็ได้เป็นสหธรรมิกกันมาโดยตลอด หลังจากได้เรียนวิชาจากหลวงพ่อปานแล้ว จึงกลับมาวัดสาวชะโงก
หลวงพ่อเหลือ บอกกับศิษย์ใกล้ชิดว่า ท่านได้ธุดงค์ไปเรียนวิชากับหลวงปู่จีน วัดท่าลาดเหนือ ผู้ซึ่งเป็นปรมาจารย์ผู้สร้างพระปิดตายอดนิยมในวงการพระปิดตาอีกด้วย
จากนั้นท่านได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อดำ วัดกุฎี จังหวัดปราจีนบุรี และยังได้เดินธุดงค์ไปยังป่าเมืองกาญจนบุรี เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาอาคมกับหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จังหวัดกาญจนบุรี
และยังเป็นสหธรรมมิกที่แนบแน่นกับหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา ซึ่งท่านทั้งสองได้เดินทางไปมาหาสู่กันตลอด
ปี พ.ศ. ๒๔๗๔ พระอธิการชื่น เจ้าอาวาสวัดสาวชะโงกได้ถึงแก่มรณภาพลง ชาวบ้านและคณะกรรมการวัดจึงพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อเหลือขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา |
วัดสาวชะโงก เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ในตำบลสาวชะโงก อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
วัดสาวชะโงกตั้งวัดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๖ โดยมีนายนุช นางยัง ชาวคลองสองพี่น้อง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัด โดยอุทิศที่ดินประมาณ ๖ ไร่ เพื่อก่อสร้างวัด
เริ่มแรกมีกุฏิมุงหลังคาด้วยจาก ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๘๐ ทางวัดและญาติโยมได้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถ กว้าง ๕ เมตร ยาว ๘ เมตร และกุฏิสงฆ์ แต่เนื่องจากที่ทุนทรัพย์น้อยจึงก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
จนต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๒ ขุนพัส (รั้ง) ได้ร่วมกับชาวบ้านดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดเพิ่มเติมรวมถึงได้ทำการผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๒
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๗ นายเจิม ซึ่งเป็นบุตรของนายโตกับอำแดงกลิ่น อยู่คลองบ้านหมู่ ได้บริจาคที่ดินถวายให้วัดสาวชะโงกเป็นที่ธรณีสงฆ์ จำนวน ๔๘ ไร่ ๙๖ ตารางวา
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ นายเฉลิม เดชสุภะพงษ์ ได้มอบที่ดินให้เป็นที่กัลปนา จำนวน ๑ แปลง เนื้อที่ ๓ ไร่ ๓ งาน ๔๐ ตารางวา วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒
เหตุที่ชื่อว่าวัดสาวชะโงกเพราะมีตำนานเล่าว่า ได้มีการยกขันหมากมาทางเรือ เพื่อมาสู่ขอเจ้าสาว เมื่อขบวนขันหมากใกล้มาถึง เจ้าสาวได้ชะโงกหน้าดูขบวนขันหมาก ทำให้พลัดตกลงมาจากเรือนเสียชีวิต
ต่อมาพ่อแม่เจ้าสาวได้ยกที่ดินผืนนี้ถวายสร้างเป็นวัด จึงได้ตั้งชื่อเป็นอนุสรณ์แด่ผู้เสียชีวิตว่า "วัดสาวชะโงก"
วัดมีเกจิอาจารย์ดังเป็นที่เคารพศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป คือ พระครูนันทธีราจารย์ (หลวงพ่อเหลือ) ท่านสร้างผ้ายันต์แดงแจกทหารในสงคราม แต่ที่โดดเด่นเป็นที่กล่าวถึงคือ ปลัดขิก ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทจำลองอายุร้อยกว่าปี วัดมีรายนามเจ้าอาวาสดังนี้
๑. พระอธิการสังข์ พ.ศ. ๒๓๕๖ – ๒๓๙๖
๒. พระอธิการขิก พ.ศ. ๒๓๙๖ – ๒๔๕๑
๓. พระอธิการแบน พ.ศ. ๒๔๕๑ – ๒๔๖๐
๔. พระอธิการชื่น พ.ศ. ๒๔๖๐ – ๒๔๗๔
๕. พระครูนันทธีราจารย์ (หลวงพ่อเหลือ) พ.ศ. ๒๔๗๔ – ๒๔๘๘
๖. พระอธิการหงวน พ.ศ. ๒๔๘๘ – ๒๔๙๐
-. พระอธิการช้วน (รักษาการ) พ.ศ. ๒๔๙๐ – ๒๔๙๒
๗. พระครูถาวรธรรมานุวัตร (จวน) พ.ศ. ๒๔๙๒ – ๒๕๔๗
๘. พระอธิการประเสริฐ ปัญญาวโร พ.ศ. ๒๕๔๘ – ๒๕๕๓
๙. พระอธิการธีรศักดิ์ ฐาตุกาโม พ.ศ. ๒๕๕๔ – ปัจจุบัน
หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา |
หลังจากที่หลวงพ่อเหลือได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
ด้านสาธารณะประโยชน์หลวงพ่อเหลือ ท่านสร้างโรงเรียนวัดสาวชะโงก สร้างอุโบสถวัดก้อนแก้ว สร้างอุโบสถวัดหัวสวน สร้างอุโบสถวัดเสม็ดใต้ สร้างอุโบสถวัดสิบเอ็ดศอก และยังได้เดินทางไปช่วยบูรณะวัดต่างๆในจังหวัดฉะเชิงเทราและต่างจังหวัดอีกมากมาย
ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวน
ปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ "พระครูนันทธีราจารย์" และได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
ปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ท่านได้รับอนุญาติให้มีอำนาจเต็ม ในการอุปสมบทในเขตท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมทั้งยังได้รับแต่งตั้งเป็นพระระงับอธิกรณ์อีกด้วย
หลวงพ่อเหลือ ท่านเป็นพระภิกษุที่เคร่งในพระธรรมวินัย มั่นคงในศีล และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด จนได้รับการยอมรับให้เป็นพระอริยคณาจารย์ ๑ ใน ๒๑ รูปของเมืองไทย เป็นผู้ริเริ่มและศึกษาเกี่ยวกับการจัดปริวาสกรรมขึ้น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
เพราะการจัดปริวาสกรรมได้หายสาบสูญไปจากประเทศไทย หลังจากสมัยพุทธกาล ในงานปริวาสกรรมที่ท่านจัดขึ้นในทุกๆ ปี จะมีพระภิกษุสงฆ์เดินทางมาจากทั่วประเทศมาอยู่ปริวาสกรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนับถือจากเกจิอาจารย์ในสมัยนั้น
ในด้านวิชาอาคม คนเฒ่าคนแก่เล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้งหนึ่ง ผ้าประเจียด ที่ลงอักขระบนผ้าแดง เสื้อยันต์แดงของหลวงพ่อเหลือ สร้างชื่อเสียงให้กับทหารกล้า ชาวฉะเชิงเทราที่ไปรบในสงคราม จากการเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศส (สงครามอินโดจีนระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๓ - ๒๔๘๔)
ในด้านคงกระพัน ถูกยิงล้มแล้วไม่ตาย พอหายจุกก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ จนทหารกองกำลังผสม ฝรั่งเศสกับเวียดนาม ให้สมญาทหารไทยว่า "ทหารผี"
ทั้งนี้ก่อนหน้าสงครามอินโดจีน ท่านก็เป็น ๑ ใน ๑๐๘ พระเกจิอาจารย์ ที่ได้รับนิมนต์ มาร่วมนั่งปรกพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ในงานหล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราช เจ้ากรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ที่วัดราชบพิตร ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ อีกด้วย
หลวงพ่อเหลือ ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาแก่ทุกชนชั้น ท่านได้ประกอบคุณงามความดี ให้แก่พระบวรพุทธศาสนา และชาวบ้านสาวชะโงกเป็นอย่างมาก จนยากที่จะลืมเลือนไป จากความทรงจำได้
หลวงพ่อเหลือ ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๘ นับรวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๖๐ พรรษา.
วัตถุมงคลของหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๔๘๘ เพื่อแจกให้กับศิษย์ของท่าน ลักษณะเป็นปลัดขิกแกะด้วยไม้มงคลต่างๆ การทำปลัดขิกนั้นท่านจะให้ลูกศิษย์เหลาปลัดขิกมาให้ท่านปลุกเสก ตัวใหญ่บ้างตัวเล็กบ้าง แล้วแต่จะเหลามาให้
บางคนฝีมือดีก็เหลาเป็นรูปขาลิงหางเลื้อยก็มี ปลัดขิกส่วนใหญ่จะทำด้วยไม้คูณ สำหรับปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือ มี ๒ คือ แบบที่ ๑ แบบโค้งและมีตุ่มตอนท้าย และแบบตรง
ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา แบบโค้ง ของคุณแจ้ เสนา |
โดยส่วนมากจะมีการลงอักขระยันต์ที่หัวโดยจะลงตัว "อุ" ๑ ตัว ซึ่งลายมือท่านจะหวัดเขียนเหมือนตัว M เล่ากันว่าปกติปลัดขิกที่ท่านแจกจะจาร อุเดียว
ส่วนปลัดขิกที่จาร "อุ" ๓ ตัว ท่านจะแจกในงานทำบุญใหญ่ที่วัดจัดขึ้น และที่จาร "อุ" ๕ ตัวนั้นท่านจะแจกในงานบูชาครู (หลวงพ่อขริก) โดยลายมือของท่านจะเขียนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเหมือนตัวอักษรจีน
ด้านข้างลงอักขระยันต์ขอมอ่านได้ว่า "กัน หะ เน หะ" ซึ่งก็คือพระคาถาหัวใจโจร และมีการลงอักขระยันต์ตัว "อุ มะ อะ มิ" กับ "อิ ติ อะ มิ" อีกด้วย
ปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือนั้นมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์มาก จนคนผูกขึ้นเป็นโคลงกลอนว่า "ปลัดหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อปาน หนุมานหลวงพ่อดิ่ง สิงห์หลวงพ่อเดิม"
คนโบราณเชื่อกันว่าหากท่านผู้ใดสะสมเครื่องรางครบสำนักทั้งหมดนี้ ถือว่าได้ของที่เป็นสิริมงคลอย่างมากเลยทีเดียว
โดยปลัดขิกของหลวงพ่อเหลือนั้นจะโด่งดังในด้สนเมตตามหานิยมและทำมาค้าขาย แถมยังปกป้องคุณไสยได้อีกด้วย บางท่านโดนต่อ แตน ตะขาบ หรือสัตว์มีพิษกัดต่อย ให้อาราธนาปลัดขิกโดยนึกถึงหลวงพ่อเหลือแล้วใช้ปลายปลัดขิกนั้นจิ้มไปที่โดนต่อยจะดับพิษของสัตว์ร้ายเหล่านั้นได้
ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา แบบตรง ของคุณปรัญญา |
บางท่านใส่ไว้ในตะกร้าเงินเวลาขายของจะนำปลัดขิกหลวงพ่อเหลือมาอาราธนาจิ้ม ไปที่ของที่จะนำไปขายจะทำให้ขายของดีเป็นอย่างมาก
สมัยนั้นแม่ค้าจะมาขอปลัดขิกของท่านเพื่อช่วยในการทำมาค้าขาย ส่วนผู้ชายนำไปใช้ทางมหานิยม ติดตัวไว้ไม่ตายโหงจนมีผู้ขนานนามปลัดขิกของท่านว่า เป็นปลัดขิกอันดับ ๑ ของเมืองไทย
ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือนั้นท่านนิยมจะแจกให้ ญาติโยมในงานประจำปีสมโภชกลางเดือน ๔ โดยหลวงพ่อจะมอบให้แก่ญาติโยมที่มีจิตศรัทธามาทำบุญปิดทองเป็นประจำทุกปี
นอกจากนั้นท่านยังมีเมตตาปลุกเสกปลัดขิกให้ชาวบ้านที่มีความศรัทธาเหลามาให้ ท่านลง โดยส่วนใหญ่ท่านจะปลุกเสกในช่วงเข้าพรรษาของทุกปี เมื่อออกพรรษาแล้วท่านจะมอบปลัดขิกให้แก่ญาติโยมที่นำมาฝากปลุกเสกไว้.
เหรียญหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ในสมัยหลวงพ่อจวน เป็นเจ้าอาวาสวัด โดยโยมจำรัส รุ่งสอาด เป็นผู้สร้างถวายพร้อมกับเหรียญหลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว รุ่น ๒ เพื่อแจกเนื่องในงานหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อเหลือ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงกระไหล่ทองเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
เหรียญหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง |
ด้านหน้า จำลองเป็นรูปหลวงพ่อเหลือ นั่งสมาธิเต็มองค์บนฐานเขียง องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูนันทธีราจารย์"
ด้านหลัง เป็นยันต์กันภัย และคงกระพัน ผูกหัวใจต่างๆอ่านได้ว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" หัวใจพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เป็นอักขระขอมอยู่ตรงกลางเป็นเส้นทิวอยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม "มะ อะ อุ" หัวใจตรีเพชร เป็นอักขระขอม ๓ ตัวเรียงกันในแนวตั้ง ทางด้านขวาของเหรียญ "อิ สวา สุ" หัวใจพระเจ้า เป็นอักขระขอม เรียงกันในแนวตั้ง อยู่ทางด้านซ้ายมือของเหรียญ "พุท ธะ สัง มิ" หัวใจไตรสรณาคม เป็นอักขระขอม ๔ ตัว อยู่บนยอดเหรียญเหนือยันต์รูปองค์พระ ใต้ยันต์จารึกปีที่ออกเหรียญคือ "พ.ศ. ๒๔๙๙"
เหรียญล็อกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๔๘๑ เพื่อแจกในคราวฉลองสมณศักดิ์ของหลวงพ่อ ลักษณะเป็นล็อกเก็ตภาพกระดาษทรงกลม จัดเป็นของหายากลึกลับ จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
ล็อกเก็ตหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา ปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ของคุณเปี้ยง |
ด้านหน้า จำลองภาพหลวงพ่อเหลือ นั่งสมาธิเต็มองค์บนฐานเขียง องค์หลวงพ่อห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคต ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พระครูนันทธีราจารย์"
ด้านหลัง มีเข็มกลัด
โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
ไม่มีความคิดเห็น