โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลของหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพฯ เจ้าของเชือกคาดเอวอันโด่งดัง

ภาพถ่ายหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพมหานคร
หลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพมหานคร

         หลวงพ่อโชติ วัดตะโน หรือ พระอธิการโชติ อดีตเจ้าอาวาสวัดตะโน แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พระเกจิชื่อดังอีกรูปหนึ่งของเขตภาษีเจริญ

         หลวงพ่อโชติพื้นเพท่านเป็นชาวบ้านกบินทร์เก่า อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๑๗ โยมบิดาชื่อนายคง โยมมารดาชื่อนางแสง 

         ในวัยหนุ่ม ท่านมีนิสัยเป็นนักเลง ไม่เคยยอมใครง่ายๆ เลยเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า นักเลงสมัยก่อนนั้น ต้องมีวิชาดีไม่อย่างนั้นเป็นนักเลงไม่ได้

        ปี พ.ศ. ๒๔๕๑ หลวงพ่อโชติมีอายุได้ ๓๔ ปี เกิดเบื่อหน่ายทางโลก จึงตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดกระทุ่ม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๕๑ ได้รับฉายาว่า "รุฬหผโล" โดยมี

         พระครูญาณรังษีมณีวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

         พระครูวินัยธรรมและพระครูวินัยธร เป็นคู่สวด

         หลังจากที่ท่านได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดกระทุ่มเรื่อยมา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย เรียนภาษาบาลีขอม และวิชาอาคมกับพระอธิการหนู เจ้าอาวาสวัดกระทุ่ม จนสำเร็จวิชาต่างๆ มากมาย

         ต่อมาได้ย้ายไปจําพรรษาที่วัดโพธิ์เย็น ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา และวัดคลองสิบแปด ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามลำดับ

         จนท้ายสุดได้มาจําพรรษา ณ วัดตะโน จากการชักชวนของพระอธิการยอด เจ้าอาวาสวัดตะโน ในสมัยนั้น

        ต่อมาพระอธิการยอดได้มรณภาพลง ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อโชติขึ้นเป็นเจ้าอาวาสทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง

         วัดตะโน เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๑๘ คลองบางจาก หมู่ที่ ๗ แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร มีที่ดินตั้งวัด ๒ ไร่ ปัจจุบันมีเจ้าอาวาสคือ พระครูภาวนาสิทธิวรวัฒน์ (พิพัฒน์ จิตฺตวฑฺโฒ)

         วัดตะโน ตั้งเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง ทราบแต่เพียงว่าเป็นวัดโบราณอายุสมัยอยุธยา พระอุโบสถขนาด ๕ ห้อง รูปทรงแบบอยุธยาตอนปลาย ทำหลังคากันสาดยื่นด้านหน้า หันหน้าสู่คลองบางแวก 

         ระดับพื้นของอุโบสถอยู่ต่ำราว ๘๐ เซนติเมตร ในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ 

ภาพถ่ายหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพมหานคร
หลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพมหานคร

         หลังจากที่หลวงพ่อโชติได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

         หลวงพ่อโชติ ท่านยังเป็นพระร่วมสมัยกับหลวงปูโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี แต่หลวงพ่อโชติท่านแก่พรรษากว่าหลวงปู่โต๊ะ 

         สมัยที่หลวงพ่อโชติ มาอยู่วัดตะโนแล้วนั้น หลวงปู่โต๊ะมักไปมาหาสู่กันเป็นประจำ โดยหลวงปูโต๊ะ ท่านนับถือหลวงพ่อโชติมาก อีกทั้งหลวงปู่โต๊ะยังได้ร่ำเรียนวิชาทำผงพุทธคุณกับหลวงพ่อโชติอีกด้วย

         ท่านเป็นเกจิอาจารย์อีกหนึ่งท่านที่ทรงวิยาคมเข้มขลังในสมัยนั้น ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้แจกแก่ชาวบ้านหลายอย่างด้วยกัน เช่น เหรียญ ตะกรุด พระเนื้อผง 

         แต่ที่ขึ้นชื่อลือชาและเป็นที่เสาะแสวงหาในหมู่ลูกศิษย์คือ เชือกคาด ที่ท่านทำแจกให้กับผู้ที่ไปรบในสงครามอินโดจีน ที่มีประสบการณ์ยิงฟันไม่เข้าจนเป็นที่เลื่องลือ

         หลวงพ่อโชติ ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๑ เวลา ๑๑.๐๐ น. นับรวมสิริอายุได้ ๘๓ ปี ๔๙ พรรษา.

วัตถุมงคลของหลวงพ่อโชติ วัดตะโน

         เชือกคาดหลวงพ่อโชติ วัดตะโน รุ่นแรก

         สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๔๘๓ เพื่อแจกให้กับทหารที่ไปรบในสงครามโลกครั้งที่ ๒ เรือยมาจนถึงสงครามอินโดจีน และแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ลักษณะเป็นผ้าลงอักขระถักเป็นเชือกคาดเอว จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ สำหรับเชือกคาดของหลวงพ่อโชติ นั้นท่านมีกรรมวิธีการทำคือ

         ท่านจะนำเอาผ้าห่อศพ ที่ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร กล่าวกันว่า เวลาเอาผ้าต้องใช้ปากคาบดึงมาจากศพ เมื่อได้มาแล้วจึงนำผ้ามาซักน้ำฝนกลางหาว แล้วนำผ้ามาฉีกเป็นริ้วๆ แล้วลงอักขระเลขยันต์ จนครบสูตร 

         และทำการฝั้นเชือก แล้วถักขึ้นหัว จนถึงห่วง เป็นลายกระดูกงู ระหว่างถักนั้นหลวงพ่อโชติ จะบริกรรมคาถากำกับด้วย และเมื่อเสร็จแล้วท่านจะทำการปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง 

         ตามประวัติที่ว่า ถึงขนาดปลุกเสกจนหัวเชือกเข้าไปในห่วงเองได้ หรือเชือกสามารถเคลือนไหวไปมาได้ บางครั้งนำเชือกไปใส่ในกองไฟ ถ้าไม่ไหม้ไฟถือว่าใช้ได้ เสร็จแล้วท่านจึงมอบให้แก่บรรดาลูกศิษย์ ไว้เพื่อป้องกันตัวเองในยามคับขัน

         อิทธิคุณของเชือกคาดเอวของท่านนั้น เด่นในด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ป้องกันภูตผีปีศาจ กันงูเงี้ยวเขี้ยวขอและอสรพิษร้ายต่างได้วิเศษนัก ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่าถ้านำเชือกคาดเอวของท่านไปคล้องกับงู งูจะอ่อนแรงลง จนเลื้อยหนีไปไหนไม่ได้ 

เชือกคาดเอวหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ
เชือกคาดเอวหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพมหานคร ของคุณOng Ong

         บางท่านเล่าว่านำหัวเชือกคาดเอวของท่าน มาใส่ในห่วงทำเป็นวงกลม แล้วนำไปครอบใส่ตะขาบ ตัวตะขาบนั้น จะไม่สามารถข้ามวงเชือกคาดเอวของท่านออกมาได้ จะเดินวนอยู่ในวงเชือกนั้น

         ยังมีเรื่องเล่าและประสบการณ์อีกมากมายที่ ลูกศิษย์ลูกหาของท่านเล่าให้ฟัง แต่ที่ห้ามนักห้ามหนาเป็นเสียงเดียวกันก็คือ ห้ามเอาเชือกคาดเอวของท่านไปตีไปทำร้าย หรือเคาะหัวคนอื่น 

         เพราะจะทำให้คนๆนั้นเสียสติและเป็นคนวิกลจริต และที่สำคัญคือรักษาให้หายยาก สำหรับค่าครูของหลวงพ่อโชติ วัดตะโน ได้แก่ ดอกไม้ธูป เทียน บุหรี่ ไม้ขีดหนึ่งกล่อง หมากพลูสามคำ ค่าครู ๑ สลึง

         เชือกคาด มีหลายสำนักทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ของ หลวงพ่อโชติ วัดตะโน ท่านจะถักเป็น ลายจระเข้ขบฟัน หัวเป็นตะกร้อ หางเชือกเป็นบ่วงแน่นหนา มีทั้งผ้าขาว และผ้าเหลือง สมัยก่อน มีผู้คนจำนวนมากนิยมไปหาท่าน

เชือกคาดเอวหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ
เชือกคาดเอวหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพมหานคร ของคุณOng Ong

         เพื่อขอเชือกคาดจากท่าน ต่อมาท่านเกิดตาบอดตอนชราภาพ ก็เพราะว่า การทำเชือกคาดนั้น ต้องเสียค่ายกครูหนึ่งสลึง สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ เงินเฟื้องเงินสลึง หรือ ๒๕ สตางค์ ถือว่าไม่ใช่เงินน้อยๆ

         บังเอิญมีหนุ่มชาวสวนคนหนึ่ง อยากได้เชือกคาด แต่ไม่มีสตางค์ จึงไปกราบเท้าอ้อนวอนขอให้ท่านช่วยทำเชือกคาดให้ ปรากฎว่าท่านใจอ่อน ก็เลยทำให้ฟรี ไม่เรียกค่ายกครู 

         เท่านั้นแหละ ครูของหลวงพ่อ มาบอกว่า เอ็งจะต้องตาบอดแน่ๆ และท่านก็ตาบอดจริงๆ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นต้นมาจนมรณภาพนับเป็นเวลาถึง ๑๑ ปี ที่หลวงพ่อต้องให้ศิษย์ถักเชือกแล้วเอามาให้ท่านปลุกเสกแทน

         เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน รุ่นแรก

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปไข่แบบมีหูในตัว ซึ่งมีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างทั้งหมดประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ

เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่นแรก 2497 ทองแดงรมดำ
เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพฯ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เนื้อทองแดงรมดำ

เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่นแรก 2497 ทองแดงรมดำ-2-ขอบ
เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพฯ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เนื้อทองแดงรมดำ

เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่นแรก 2497 ทองแดงรมดำ
เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพฯ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เนื้อทองแดงรมดำ

เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่นแรก 2497 ทองแดงรมดำ-ขอบ
เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพฯ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เนื้อทองแดงรมดำ

         ด้านหน้า เป็นรูปจำลองของหลวงพ่อโชติครึ่งองค์ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อโชติ" 

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "พ.ศ. ๒๔๙๗" 

         เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน รุ่นสอง

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปเสมาแบบมีหูในตัว ซึ่งมีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่น 2 2500 ทองแดงกระไหล่เงิน
เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่น ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เนื้อทองแดงกระไหล่เงิน

เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่น 2 2500 ทองแดงกระไหล่เงิน-ขอบ
เหรียญหลวงพ่อโชติ วัดตะโน กรุงเทพ รุ่น ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เนื้อทองแดงกระไหล่เงิน

         ด้านหน้า เป็นรูปจำลองของหลวงพ่อโชิตนั่งสมาธิเต็มองค์ห่ม องค์หลวงปู่จีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคต ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยเขียนว่า "หลวงพ่อโชติ วัดตะโน" 

         ด้านหลัง มีอักขระยันต์ ใต้อักขระยันต์มีอักขระเลขไทยเขียนว่า "๒๕๐๐" 



โดย : สารานุกรมพระเกจิแห่งแดนสยาม

 บทความที่เกี่ยวข้อง

 ***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ด้วยการกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

ไม่มีความคิดเห็น